การฉีด PRP หรือ PRP Therapy ถือเป็นศาสตร์ใหม่ในด้านเวชกรรมความงาม ช่วยในเรื่องการฟื้นฟูเซลล์ ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและซ่อมแซมสภาพผิว
ชั้นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่สุดคือ PRP หรือ Platelet Rich Plasma ในชั้นนี้มีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า Growth Factor เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้าง Collagen ให้ผิวหน้าดูอ่อนวัยและกระจ่างใส
ฉีด PRP มีข้อดีอย่างไร?
การทำ PRP คือ ผิวหนังที่เสื่อมสภาพที่ได้รับการซ่อมแซม ทำให้ใบหน้ากระจ่างใสดูอ่อนวัยขึ้น และเห็นผลได้ชัดเจนประมาณ 2 อาทิตย์หลังการรักษา และเมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ผิวพรรณตึงกระชับ เนียนและอ่อนนุ่มขึ้น ซึ่งผลลัพธ์นี้อยู่ได้นานถึง 12-15 เดือน โดยเว้นระยะ 1-3 อาทิตย์ต่อครั้งในการทำ หลังการรักษาอาจจะมีอาการช้ำ และมีจุดบวมบ้างเล็กน้อยซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองใน 1-2 วัน ผลการรักษาในแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวพรรณ อายุและการดูแลรักษาหลังทำของคนไข้
PRP ฟื้นฟูผิวหน้า เหมาะกับใคร?
- ผิวหน้าคล้ำ ไม่สดใส
- ใบหน้ามีริ้วรอย ร่องลึก
- มีปัญหารอยสิว รอยแดง จุดด่างดำบนใบหน้า
- ผิวหน้าแห้ง
การเตรียมตัวก่อนทำ PRP ฟื้นฟูผิวหน้า
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญ
- หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้มากๆ
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วัน
- งดทานยากลุ่ม ASA และ NSIAD อย่างน้อย 2-3 วัน
หลังฉีด PRP ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- สามารถประคบเย็นหรือสามารถทานยาแก้ปวดได้ แต่ต้องเป็นยาประเภท NSAIDs
- หลีกเหลี่ยงการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening อื่นๆ
- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าภายใน 4-5 ชั่วโมงแรกของการรักษา
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้าหรือถูกความร้อน อบไอน้ำ ซาวน่าหรือแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และออกกำลังกายอย่างหนัก
- ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ตามปรกติ
Write Reviews
Leave a Comment
No Comments & Reviews