วิธีแก้ท้องอืดให้ได้ผล

ท้องอืด คืออาการที่สามารถพบได้ทั่วไปกับคนทุกเพศทุกวัย ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือแน่นอึดอัดท้อง ซึ่งเกิดจากการมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้มากกว่าปกติ บางรายอาจทำให้ท้องบวมจนเห็นได้ชัดเจน และอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น เรอบ่อย ผายลม ปวดท้อง หรือท้องร้องมากกว่าปกติ
ถึงแม้ว่า ท้องอืด จะไม่ได้เป็นอาการที่ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่เป็นรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวและอาจทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมบางอย่างได้
ท้องอืดมีสาเหตุมาจากอะไร ?

สาเหตุของอาการท้องอืด ที่พบบ่อยมาจากการมีแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารแล้วไม่สามารถย่อยได้อย่างเหมาะสมหรือมาจากการกลืนอากาศเข้าไปในขณะที่กำลังรับประทานอาหารหรือดื่มเครืองดื่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมต่อไปนี้ อาจเพิ่มโอกาสให้ท้องอืดได้มากขึ้น
- รับประทานอาหารเร็วเกินไป
- รับประทานอาหารพร้อมกับคุยไปด้วย
- ดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ดื่มน้ำจากหลอดดูด
- เคี้ยวหมากฝรั่ง
- สูบบุหรี่
- สวมฟันปลอมหลวม
สาเหตุทางด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้แก่
- ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS)
- โรคลำไส้อักเสบ เช่น โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง (Ulcerative Colitis) หรือโรคโครห์น (Crohn’s Disease)
- การทำงานของกระเพาะลำไส้ที่ผิดปกติ (Functional Gastrointestinal Disorders: FGIDs)
- อาการแสบร้อนกลางอก
- ภูมิแพ้อาหาร
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรืออ้วน
- ฮอร์โมนแปรปรวน
- โรคเจียอาร์ไดอาซิส (Giardiasis) หรือโรคท้องร่วงจากเชื้อเจียอาร์ไดอาซิส
- โรคที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น โรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa) หรือโรคบูลิเมีย
- โรคเซลิแอค (Celiac Disease) หรืออาการแพ้กลูเตนในอาหารที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมปัง
- ภาวะอาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหารอย่างรวดเร็ว
- ภาวะน้ำในช่องท้อง จากโรคตับหรือโรคไต
- เนื้องอกในช่องท้อง
- ปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล และโรคซึมเศร้า
- ยาบางชนิดที่ทำให้มีแก๊สมาก เช่น ยานาพรอกเซน (Naproxen) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และยาแอสไพริน (Aspirin)
ภาวะต่อไปนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแก๊สและอาการท้องอืด
- การขาดหรือมีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารมากเกินไป
- มีการสะสมของแก๊ส
- การเคลื่อนไหวหรือการบีบตัวของลำไส้ลดลง
- เกิดความบกพร่องในการระบายลมออกจากร่างกาย
- ท้องผูก
- การดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ
- ลำไส้แปรปรวน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?
โดยทั่วไป อาการท้องอืดมักไม่มีอันตรายใด ๆ และมักหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากพบว่ามีอาการท้องอืดต่อเนื่อง และมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่มีความรุนแรงได้
- มีไข้สูง
- ปวดท้องอย่างรุนแรงหรือเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน
- อุจจาระปนเลือด หรืออุจจาระสีเข้มมาก
- ท้องเสีย
- แสบร้อนกลางอก
- อาเจียน
- น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

มีวิธีแก้ท้องอืดอย่างไรบ้าง ?
ปรับพฤติกรรมการรับประทานและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่าง ได้แก่
- รับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มให้ช้าลง จะช่วยลดการกลืนอากาศให้น้อยลงได้
- ดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลงหรือจำกัดการดื่ม เพราะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น พืชตระกูลผักกาด ถั่ว หัวหอม บรอกโคลี กะหล่ำดอก กล้วย ลูกเกด และขนมปังโฮลวีท
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล (Sorbitol) เพราะผลิตจากน้ำตาลฟรุกโตสที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องอืด
- ผู้ป่วยที่มีอาการท้องอืดจากการแพ้โปรตีนกลูเตน ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของข้าวสาลีทุกชนิด หากแพ้น้ำตาลแลกโตสก็ควรงดผลิตภัณฑ์จากนมเช่นกัน
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอม เพราะขณะที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอม จะทำให้กลืนอากาศเข้าไปมากกว่าปกติ
- จำกัดอาหารประเภทไขมัน
- สังเกตชนิดของอาหารหรือเครื่องดื่มที่มักทำให้เกิดอาการ
- หากมีอาการท้องอืดบ่อย ๆ เนื่องจากรับประทานอาหารมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารลง หรือแบ่งย่อยมื้ออาหารจาก 3 มื้อ เป็น 5-6 มื้อ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- ลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่อ้วนหรือมีน้ำหนักตัวมาก
- ผู้ที่มีภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ (Lactose Intolerance) ควรบริโภคผลิตภัณฑ์ทำจากนมที่ปราศจากแลคโตส
- บริโภคผลิตภัณที่มีโปรไบโอติกส์ (Probiotics) หรือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งมีประโชน์ต่อร่างกาย เช่น โยเกิร์ต โดยจะช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และจากการวิจัยพบว่ามีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะทำให้กลืนอากาศเข้าไปมากกว่าปกติ
- ตรวจสอบฟันปลอม เพราะหากฟันปลอมที่ใส่อยู่ไม่พอดี อาจทำให้ต้องกลืนอากาศเข้าไปมากเวลารับประทานอาหารและดื่มน้ำ
- หลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวล
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้และช่วยบรรเทาความเครียด
- หลังรับประทานอาหาร ควรขยับร่างกาย เช่น เดินเบา ๆ เพื่อช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว ซึ่งจะช่วยกำจัดแก๊สออกจากกระเพาะอาหารและลำไส้
- สมุนไพรบางชนิด นอกจากนำมาใช้เป็นส่วนผสมอาหารแล้วยังมีสรรพคุณที่ช่วยขับลมและบรรเทาอาการท้องอืดได้ เช่น ขิง สะระแหน่ ชินนาม่อน คาโมไมล์ โหระพา ยี่หร่า กระเทียม จันทน์เทศ ผักชีฝรั่ง และออริกาโน่
ปัจจุบันมีบริการทั้งหมด 3 สาขา สำหรับติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาปัญหาสุขภาพที่ตรงจุด หากท่านมีปัญหา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อเข้ามาได้
ที่เบอร์ 02-2772818 หรือแอดไลน์ ID : @BAAC
✅ Line : https://lin.ee/lpiSXfM คลิก
#Facebook Inbox : BAAC-Bangkok Anti-Aging Center
✅ Inbox : m.me/BangkokAntiAgingCenter คลิก
Bangkok Anti Aging Center – BAAC (Sutthisan) 02-2772893 / 02-2772894
Bangkok Anti Aging Center – BAAC (Bangna) 02-0075115/ 02-0075116
Bangkok Anti Aging Center – BAAC (Pathumwan or Siam) 02-0487032/ 02-0487034
Write Reviews
Leave a Comment
No Comments & Reviews