“โรคหลอดเลือดหัวใจ” ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อสะสมในผนังของหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นหนาตัวขึ้น ทำให้หลอดเลือดมีการตีบแคบลง ทำให้เลือดซึ่งนำออกซิเจนไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกเกิดขึ้น หากเกิดการอุดตันของหลอดเลือดเฉียบพลันซึ่งมักเกิดจากคราบไขมันที่สะสมอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในแตกออกและกลายเป็นลิ่มเลือดจะส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอันนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หรือเสียชีวิตกะทันหันได้
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
– มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
– อายุมากขึ้นมีโอกาสที่จะเป็นเพราะเกิดความเสื่อมของหลอดเลือด
– ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารไขมันสูงการปล่อยให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีดัชนีมวลกายที่มากขึ้น เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
– การไม่ออกกำลังกาย พบว่าการไม่มีกิจกรรมทางกายหรือการไม่ออกกำลังกายจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า
– มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น
– ความเครียด ปัจจัยทางด้านความเครียด 5 ประการที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด คือ สภาพจิตใจที่โศกเศร้ามีความเครียดเรื้อรังเป็นเวลานาน
– สูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น รวมถึงผู้ที่เคยสูบบุหรี่ติดต่อกันมาเป็นเวลานานและเพิ่งหยุดสูบได้ไม่นาน พบว่าผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2.4 เท่า
อาการโรคหลอดเลือดหัวใจ
อาการของผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจอุดตันบางส่วน อาจจะไม่มีอาการแสดง แต่ในผู้ป่วยที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันค่อนข้างมากที่พบมากสุด คือ อาการเจ็บหน้าอกอย่างมาก จนทนไม่ได้ เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับตรงกลางหน้าอก เหมือนช้างมาเหยียบ หรือการเจ็บจากหน้าอกขึ้นไปถึงคาง หรือเจ็บลงไปถึงแขนซ้าย
การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจที่ดีที่สุด
คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนี้
-
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ควรบริโภคอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการใช้พลังงานในแต่ละวันของแต่ละบุคคลเพื่อให้เกิดความสมดุลของพลังงานในร่างกาย
-
หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายอย่างเพียงพอ อาจเป็นกิจกรรมที่เดินไปมาในที่ทำงาน การทำงานบ้าน ทำครัว ถือของเบาๆ รวมถึงกิจกรรมจากการทำงาน กิจกรรมจากการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมยามว่างก็ได้
-
หยุดสูบบุหรี่ พบว่าการหยุดสูบบุรี่เพียง 20 นาที ความดันโลหิตจะลดลงสู่ระดับปกติ
-
ลดความเครียด วิธีการจัดการความเครียดที่ดีที่สุด คือ หากิจกรรมอะไรทำ เช่น การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ การเจริญสมาธิ เป็นต้น
Write Reviews
Leave a Comment
No Comments & Reviews